U-Dom Student Services

แนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ ให้คำปรึกษาเรื่องวีซ่า จองตั๋วเครื่องบิน จัดหาที่พัก

Australia

3010-222863-01_p2

ระบบการศึกษาในประเทศออสเตรเลีย

ประเทศออสเตรเลียตั้งอยู่ในซีกโลกใต้ทางทิศตะวันออก เฉียงใต้ของประเทศไทย ลักษณะประเทศเป็นเกาะ ออสเตรเลีย เป็นทวีปที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก แต่เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ มีสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชอาณาจักรอังกฤษเป็นประมุข โดยแต่งตั้งนายกรัฐมาตรีเป็นผู้ปกครองประเทศ

พื้นที่ของเกาะมีประมาณ 8 ล้านตารางกิโลเมตร มีชายฝั่งทะเลที่งดงาม ชายหาดขาวสะอาด มีป่าดงดิบและป่าชื้นเขตร้อนที่ยังคงความสมบูรณ์ และเป็นธรรมชาติที่สุดแห่งหนึ่ง พื้นที่ของประเทศมีทั้งแห้งแล้ง และอุดมสมบูรณ์ ประมาณหนึ่งในสามเป็นทะเลทราย แต่พื้นที่แถบชายฝั่งบริเวณชายฝั่ง ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐออสเตรเลียตะวันตก และรัฐทัสเมเนียจะอุดมสมบูรณ์มาก มีฝนตกชุก

ออสเตรเลียเป็นประเทศที่โดดเดี่ยวมานาน ดังนั้นธรรมชาติจึงถูกทำลายน้อยมาก ที่นี่มีสัตว์และพืชรวมทั้งดอกไม้ป่าหลายชนิด ที่ไม่พบเห็นในดินแดนอื่น เช่น จิงโจ้ หมีโคอาล่า วอมแบต ดิงโก้ พอสชั่ม ตุ่นปากเป็ด และตัวกินมด สัตว์และพืชหายากเหล่านี้คงมีให้เห็นอีกนาน เพราะชาวออสเตรเลียให้ความสำคัญเรื่องการรักษา สภาพแวดล้อมและการอนุรักษ์ธรรมชาติเป็นอย่างมาก

ประชากร

ออสเตรเลียปกครองระบบสหพันธรัฐ โดยรัฐบาลของออสเตรเลียแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับคือรัฐบาลสหพันธรัฐ รัฐบาลรัฐ และรัฐบาลท้องถิ่น ออสเตรเลียมีประชากรราว 19.4 ล้านคน ประมาณ หนึ่งในห้าของชาวออสเตรเลียเกิดในประเทศอื่น ออสเตรเลียจึงเป็นสังคมหลายชนชาติ หลายวัฒนธรรม 85% ของพลเมือง ออสเตรเลียอาศัยตามเขตเมืองใหญ่ รัฐที่มีประชากรอาศัยหนาแน่น ที่สุดคือ รัฐนิวเซาท์เวลล์

ออสเตรเลียประกอบด้วยรัฐใหญ่ 6 รัฐ และเขตปกครองตนเอง 2 มณฑล

มณฑลนครหลวงของออสเตรเลีย (Australian Capital Territory) แคนเบอร์ร่า (Canberra) คือเมืองหลวงของประเทศ เป็นศูนย์กลางการปกครอง ลักษณะตัวเมืองทันสมัย เพราะมีการวางผังเมืองอย่างดีเยี่ยม เป็นที่ตั้งขององค์กรระดับชาติ และหน่วยงานทางการทูต ของประเทศต่างๆ รวมทั้งสถานทูตไทย

นิวเซาท์เวลส์ (New South Wales) เมืองหลวงชื่อซิดนีย์ (Sydney) รัฐนี้มีประชากรหนาแน่น มากที่สุด มีชาวไทยและนักศึกษาไทยมากที่สุดด้วย เป็นรัฐที่มี การพัฒนาทางอุตสาหกรรมมากที่สุดในออสเตรเลีย ซิดนีย์เป็นเมืองที่คึกคักเต็มไปด้วยสีสัน มีชีวิตชีวา สัญลักษณ์ของเมืองคือ โอเปร่าเฮาส์ (Opera House) และสะพานข้ามอ่าวซิดนีย์ (Sydney Harbour Bridge)

มณฑลตอนเหนือ (Northern Territory) ดาร์วิน (Darwin) เป็นเมืองหลวงของมณฑล มณฑลแถบนี้เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยดั้งเดิมของชาวเผ่าพื้นเมืองอะบอริจิน ตัวเมืองสมัยใหม่ และสามารถอำนวยความสะดวกสบายได้เท่าเทียมกับเมืองอื่นๆ แต่ยังจรรโลงวัฒนธรรมดั้งเดิม แบบอะบอริจินไว้ มีอุทยานแห่งชาติที่สวยงาม

ควีนสแลนด์ (Queensland) ควีนสแลนด์เป็นรัฐใหญ่อันดับสอง มีบริสเบน (Brisbane) เป็นเมืองหลวง ควีนสแลนด์ได้ชื่อว่าเป็นรัฐแห่งแสงแดด Sunshine State ที่นี่มีแนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งได้รับการยกย่องเป็นมรดกของโลกชื่อ Great Barrier Reefs มีป่าดงดิบและป่าชื้นเขตร้อนที่อุดมสมบูรณ์

เซาท์ออสเตรเลีย (South Australia) เมืองหลวงชื่อ อาดิเลด (Adelaide) ครั้งหนึ่งเมืองนี้ ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองแห่งเทศกาล” เนื้อที่ส่วนใหญ่จะแห้งแล้งมีพื้นที่ เกษตรกรรมเพียง 10% ภูมิอากาศไม่เหมาะแก่การเพาะปลูก แต่เป็นแหล่งผลิตเหล้าไวน์ชั้นเยี่ยม

ทัสเมเนีย (Tasmania) เมืองหลวงชื่อโฮบาร์ต (Hobart) ทัสเมเนียเป็นรัฐที่เล็กที่สุด ลักษณะเป็นเกาะตั้งอยู่ห่างจาก รัฐวิคตอเรียแผ่นดินใหญ่ประมาณ 240 กิโลเมตร มีอากาศหนาวที่สุด สภาพภูมิประเทศ เป็นหุบเขา และที่ราบสูง ทิวทัศน์สวยงามยิ่ง จนได้รับการขนานนามว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของออสเตรเลีย ที่นี่เป็นเมืองสงบ ค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนถูก เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยทัสเมเนีย (University of Tasmania)

เวสเทอร์นออสเตรเลีย (Western Australia) เมืองหลวงชื่อ เพิร์ธ (Perth) เป็นรัฐที่มีพื้นที่มากที่สุด อุดมสมบูรณ์ด้วยเหมืองแร่ และแร่ทองคำ มีชายฝั่งทะเล ยาวถึง 12,500 กิโลเมตร อาชีพสำคัญของประชากรคือการทำประมงและทำเหมืองแร่ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งผลิตเพชรได้มากเป็นอันดับสามของโลก เพิร์ธเป็นเมืองที่สะอาด สวยงามและอยู่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุด ใช้เวลาในการเดินทางเพียง 6 ชั่วโมงครึ่ง มีเวลาต่างกับประเทศไทยเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น

วิคตอเรีย (Victoria) รัฐนี้ได้ชื่อว่า Garden State เนื่องจากมีสวนสาธารณะมากกว่ารัฐอื่น เมืองหลวงชื่อ เมลเบิร์น เป็นเมืองเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสอง เป็นศูนย์กลางด้านศิลปะ ที่ตั้งหอศิลป์ (National Gallery of Victoria) ที่ตั้งของศูนย์แสดงคอนเสิร์ต (Melbourne Concert Hall) ที่มีระบบเสียงที่ดีที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง และเป็นเมืองที่นักศึกษาไทยไปศึกษามาก เป็นอันดับสอง

ระบบการศึกษา ประเทศออสเตรเลีย

การจัดการการศึกษาเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในแต่ละรัฐและเขตการปกครองตนเอง ดังนั้นระบบการศึกษาของออสเตรเลีย จึงไม่ได้มีมาตรฐานเป็นกฎเกณฑ์เดียวกัน แต่โดยทั่วไประบบการศึกษาของออสเตรเลียแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ อนุบาลศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษาและอุดมศึกษา ซึ่งประกอบด้วยวิทยาลัยเทคนิคและการศึกษาต่อเนื่อง (TAFE) และมหาวิทยาลัย

การศึกษาภาคบังคับของออสเตรเลียเริ่มตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 10 (Year 1-10) หรือ ระหว่างอายุ 6-15 ปี เมื่อนักเรียนจบการศึกษาภาคบังคับแล้ว ก็สามารถเข้าสู่ตลาดแรงงาน ฝึกงานในโรงงานอุตสาหกรรม หรือ กิจการในภาคธุรกิจเอกชนต่างๆได้ หรืออาจศึกษาต่อหลักสูตรระยะสั้น ในวิทยาลัย TAFE หลังจากจบการศึกษาภาคบังคับแล้วนักเรียน ส่วนใหญ่เลือกเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายอีก 2 ปี เพื่อเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย และวิทยาลัยเทคนิคในระดับอุดมศึกษา สำหรับนักศึกษาต่างชาติสามารถสมัครเข้าเรียนได้ตั้ง แต่ระดับประถมศึกษา จนถึงระดับปริญญาเอก ทั้งในสถาบัน การศึกษาของรัฐและเอกชน

การศึกษาระดับมัธยม (Secondary Education)

การจัดการศึกษาระดับประถมและมัธยมในประเทศ ออสเตรเลียอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของแต่ละรัฐ โดยทั่วไปจะเริ่มรับนักเรียนต่างชาติเข้าเรียนต่อ ทั้งโรงเรียนของรัฐและเอกชน ตั้งแต่ชั้นปีที่ 7 (Year 7-ม.1) จนถึงปริญญาเอก สำหรับในระดับประถม ทางสถาบันการศึกษาจะพิจารณารับนักเรียนเป็นรายบุคคลไป นักเรียนต่างชาติที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี รัฐบาลออสเตรเลียกำหนดให้มีผู้ปกครองดูแล (Guardian) ซึ่งอาจจะเป็นญาติพี่น้องที่อยู่ที่นั่น ถ้าไม่มีญาติพี่น้อง ทางโรงเรียนที่นักเรียนสมัครจะจัดหาผู้ปกครอง (Guardian) ให้โดยเสียค่าใช้จ่ายอาทิตย์ละประมาณ 25 เหรียญออสเตรเลียต่อสัปดาห์ ถ้าเรียนในโรงเรียนประจำก็จะมีอาจารย์ในโรงเรียนเป็นผู้ดูแลแทน

ระดับมัธยมศึกษาแบ่งออกเป็นมัธยมศึกษาตอนต้น (Year 7-10 หรือเทียบเท่า ม.1 – ม.4 ของไทย) และมัธยมศึกษาตอนปลาย (Year 11-12 หรือเทียบเท่า ม.5 – ม.6 ของไทย) ในการจัดหลักสูตร หน่วยการศึกษาของแต่ละรัฐ จะมีการจัดหลักสูตรและการประเมินผลเป็นของตนเอง โรงเรียนมีอิสระในการจัดหลักสูตรหรือเพิ่มเติมวิชาเรียน ทั้งนี้ต้องอยู่ในความเห็นชอบจากรัฐบาล มาตรฐานของหลักสูตรจะอยู่ในระดับที่ดี ทัดเทียมกันในทุกรัฐ โดยจัดให้มีการสอบมาตรฐานสำหรับประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนเป็นโรงเรียนแบบ Day School คือ ไปเช้าเย็นกลับ ในขณะที่โรงเรียนเอกชนจะมีแบบโรงเรียนประจำ (Boarding School) และไปกลับ นอกจากนี้ ยังแบ่งเป็นโรงเรียนหญิงล้วน หรือชายล้วนและโรงเรียน สหศึกษาคือ มีทั้งนักเรียนหญิงชายเรียนร่วมกัน

วิชาในระดับมัธยมปลายประกอบด้วยวิชาต่างๆ อาทิ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วรรณคดีอังกฤษ เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สังคมศึกษา กฎหมาย คอมพิวเตอร์ การสื่อสาร เป็นต้น โดยทั่วไปนักเรียนจะเลือกเรียนวิชาหลัก สี่หรือห้าวิชา ซึ่งเป็นวิชาที่สัมพันธ์กับสาขาวิชาในระดับอุดมศึกษา คะแนนที่ได้ในระดับ Year 11, Year 12 นี้มีความสำคัญมาก ในการเลือกอันดับมหาวิทยาลัย และสาขาที่นักเรียนจะเรียน เนื่องจากมหาวิทยาลัยไม่มีระบบการสอบเข้าที่เรียกว่า Entrance Examination การรับนักเรียนเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย จึงกำหนดจากคะแนนเฉลี่ยระหว่างการสอบปลายภาค ที่จัดขึ้นโดยคณะกรรมการศึกษากลางของรัฐ และคะแนนประเมินผลจากโรงเรียน

หลักสูตรเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย (Foundation Studies)

เป็นหลักสูตรเตรียมความพร้อมในการเรียนต่อระดับ อุดมศึกษาในออสเตรเลียให้กับนักเรียนต่างชาติใช้เวลาในการเรียน 1 ปี เนื้อหาของหลักสูตรมาจาก Year 11-12 บวก วิชาพื้นฐานในสาขาที่นักศึกษาจะศึกษาในระดับปริญญาตรี เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คอมพิวเตอร์ ธุรกิจ บัญชี สังคมและประวัติศาสตร์ เป็นต้น หลักสูตร Foundation แบ่งออกเป็น สายวิทย์ สายศิลป์ และธุรกิจ ก่อนเข้าเรียนนักศึกษาจากประเทศไทยจะต้องจบชั้นปีที่ 11 หรือ ม.6 หรือ ปวช. มีผล IELTS หรือ TOEFL ตามที่แต่ละสถาบันกำหนดไว้ GPA ไม่ควรต่ำกว่า 2.5 ถ้าสอบผ่านทุกวิชาของหลักสูตร Foundation ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด ก็สามารถจะเรียนต่อในระดับปริญญาตรีได้เลย สำหรับ นักศึกษาที่จบปีที่ 1 ในระดับปริญญาตรีในประเทศไทยแล้ว สามารถสมัครเรียนระดับปริญญาตรีได้โดยไม่ต้องเรียนหลักสูตร Foundation หลักสูตรนี้เปิดสอนทั้งในมหาวิทยาลัย วิทยาลัย เทคนิค (TAFE) และในโรงเรียนมัธยมศึกษา โดยปกติจะเปิดรับนักเรียน 2 ครั้งต่อปี คือประมาณเดือนกุมภาพันธ์และกรกฎาคม ของทุกปี

วิทยาลัยเทคนิคและการศึกษาต่อเนื่อง (College of Technical and Further Education)

วิทยาลัยเทคนิคและการศึกษาต่อเนื่องที่เรียกสั้นๆ ว่า เทฟ (TAFE) รับนักศึกษาจบ Year 10 หรือมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นวิทยาลัยเทคนิคและอาชีวศึกษาของรัฐบาล ที่กระจายอยู่ทั่วภูมิภาคของประเทศ เป็นหน่วยงานการศึกษาการอบรมด้านวิชาชีพ วิทยาลัย TAFE ให้การศึกษาที่ครอบคลุมทักษะสำคัญๆ ทั้งหมดในวิชาชีพด้านอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และศิลปะ หลักสูตรของ TAFE มีทั้งระดับช่างฝึกหัด ช่างฝีมือชั้นสูง และช่างเทคนิค ตลอดจนหลักสูตรพาณิชยกรรม เกษตรกรรม วิทยาศาสตร์ และหลักสูตรทั่วไป แบ่งการสอนเป็น 3 ระดับคือ

1.   ประกาศนียบัตรวิชาชีพระดับ 1 ถึง 4 (Certificate I-IV) ระยะเวลาเรียน 6 เดือน – 1ปี เป็นหลักสูตรวิชาชีพพื้นฐาน เน้นความรู้ระดับปฏิบัติงาน

2.   อนุปริญญา (Diploma) ระยะเวลาเรียน 2 ปี เป็นหลัก สูตรระดับปฏิบัติงาน และวางแผน

3.    อนุปริญญาชั้นสูง (Advanced Diploma) ระยะเวลาเรียน 2-3 ปี สามารถโอนหน่วยกิต ไปต่อระดับปริญญาตรี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความก้าวหน้า สูงกว่าตำแหน่งหัวหน้างาน

วิทยาลัยเอกชน (Private Colleges)

วิทยาลัยเอกชนเปิดสอนทั่วประเทศออสเตรเลีย จะตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ๆ เช่น Sydney, Melbourne, Perth, Brisbane, Adelaide, Canberra เป็นต้น วิทยาลัยเอกชนทุกแห่งจะต้องได้รับการรับรองวิทยฐานะจากรัฐบาล หลักสูตรที่เปิดสอนในวิทยาลัยเอกชน มักเป็นหลักสูตรวิชาชีพ เฉพาะทาง ผู้ที่จบแล้วสามารถนำไปประกอบอาชีพหรือเพื่อประกอบการศึกษาต่อ หรือเพื่อพัฒนาทักษะเฉพาะตัว หลักสูตรต่างๆ ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือของภาคอุตสาหกรรมและตลาดแรงงานจะเปิดสอนตั้งแต่ระยะเวลา 6 เดือน ถึง 2 ปี วุฒิที่ได้ เช่น ประกาศนียบัตร I-IV อนุปริญญา (Diploma)

หลักสูตรในวิทยาลัยเอกชน เป็นหลักสูตรที่เหมาะสมกับ ผู้ที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษ และวิชาชีพเพิ่มเติม หลังจากจบปริญญาตรีมาแล้ว เนื่องจากระยะเวลาเรียนสั้น เน้นการปฏิบัติ นักศึกษามีผล TOEFL ประมาณ 500 หรือ IELTS ประมาณ 5.5 สามารถสมัครเรียนได้เลย ถ้าไม่มีผลภาษาอังกฤษ ก็อาจจะไปเรียนภาษาอังกฤษก่อนกับ วิทยาลัยเอกชนที่เปิดสอนทั้งหลักสูตรภาษาอังกฤษและหลักสูตรวิชาชีพ ในบางวิทยาลัยนักศึกษาอาจจะไม่ต้องสอบ IELTS เนื่องจากวิทยาลัยเอกชนจะวัดผลจากการเรียนภาษาอังกฤษของสถาบันเอง ถ้าผ่านถึงเกณฑ์ที่ทางสถาบันกำหนดก็สามารถเรียนต่อในหลักสูตรที่นักศึกษาสนใจได้

การเปิดเรียนของวิทยาลัยเอกชน ส่วนใหญ่จะเปิดรับนักศึกษาใหม่ทุกเดือน การศึกษาพิเศษและวิทยาลัยเอกชน (Special Studies) สถาบันการศึกษาหลายแห่ง โดยเฉพาะวิทยาลัยเทคนิค TAFE และวิทยาลัยเอกชนยังเปิดสอนหลักสูตรที่เรียกว่า การศึกษาพิเศษ (Special Studies) ซึ่งเป็นหลักสูตรให้ความรู้ด้านวิชาชีพระยะสั้นๆ เช่น การท่องเที่ยว การโรงแรม อาหาร เสริมสวย การบิน ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรอบรมความรู้พิเศษด้านต่างๆ ทั้งบันเทิงและกีฬา เช่น ว่ายน้ำ ประดาน้ำ กอล์ฟ เทนนิส เป็นต้น

มหาวิทยาลัย (University)

ปัจจุบันออสเตรเลียมีมหาวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยี และวิทยาลัย ซึ่งได้รับการยกระดับวิทยฐานะเป็นมหาวิทยาลัย รวมทั้งหมดประมาณ 39 แห่งทั่วประเทศ คุณภาพได้มาตรฐานเทียบเท่า มหาวิทยาลัยชั้นดีของประเทศอังกฤษ แคนาดา และอเมริกา มหาวิทยาลัยเป็นของรัฐบาลทั้งหมด ยกเว้น Bond University และ The University of Notre Dame ดังได้กล่าวแล้วข้างต้นว่า ออสเตรเลียไม่มีระบบเอ็นทรานซ์เพื่อเข้ามหาวิทยาลัย การรับนักศึกษาในระดับปริญญาตรี พิจารณาจากผลการเรียนในระดับมัธยมศึกษา ในกรณีที่เป็นนักเรียนต่างชาติก็พิจารณาจากผลการเรียนในระดับมัธยมปลาย มหาวิทยาลัยอาจกำหนดคุณสมบัติในการเข้าเรียนระดับ ปริญญาตรีของนักเรียนจากประเทศต่างๆ แตกต่างกันไป เช่น ในกรณีประเทศไทยบางสถาบันอาจพิจารณารับผู้ที่จบปี 1 ใน ระดับมหาวิทยาลัยแล้วเท่านั้น

นอกจากนี้ สถานศึกษาทั่วไปของออสเตรเลียยังไม่ยอมรับผลการสอบเทียบในประเทศไทย หลายสถาบันเปิดหลักสูตรการเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับผู้ที่ประสงค์จะเข้าสถาบันนั้นๆ แต่มีคุณสมบัติไม่เพียงพอ หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรสำหรับนักศึกษาต่างชาติโดยเฉพาะ ใช้เวลาศึกษา 1 ปี หากนักศึกษา สามารถสอบผ่านปีพื้นฐานได้ ก็จะได้รับการตอบรับเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีตามสาขาที่เลือกไว้

ประกาศนียบัตรบัณฑิต (Graduate Certificate)

เป็นหลักสูตรระยะสั้น 6 เดือน เพื่อเสริมความรู้เฉพาะด้านมีหลายสาขาให้เลือก เช่น ผู้ที่จบปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจ อาจเรียนหลักสูตรเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information System) เพิ่มเติม หรือนักเรียนต่างชาติที่สมัครเรียนระดับปริญญาโท แต่ทางสถาบันไม่แน่ใจในความพร้อมของนักเรียน อาจให้ นักเรียนลงทะเบียนหลักสูตร Graduate Certificate เพื่อประเมินผลการเรียนก่อน จนกว่าผลการเรียนเป็นที่พอใจก็จะอนุญาตให้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโทได้

อนุปริญญาโท (Graduate Diploma)

เป็นหลักสูตรบัณฑิตศึกษาระยะเวลาศึกษา 6 เดือน-1 ปี สำหรับผู้ที่จบปริญญาตรีที่มีประสบการณ์ในการทำงานแล้ว และต้องการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเฉพาะด้าน เป็นหลักสูตร ฟังคำบรรยาย (Coursework) อาจมีการทำ Project หรือ มีภาคปฏิบัติในบางสาขาวิชา ในหลายสาขาวิชา เช่น MBA ได้จัดให้ Graduate Diploma เป็นหลักสูตรปีแรกของโปรแกรม ซึ่งถ้านักศึกษา สามารถทำคะแนนได้ดีในปีแรกก็สามารถผ่านไปเรียนปีที่สอง ในระดับปริญญาโทได้

ปริญญาโท (Master’s Degree)

ใช้ระยะเวลาศึกษา 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสาขาวิชาและลักษณะการเรียน ระบบการเรียนมี 3 ลักษณะ คือ

1.   Coursework เป็นการเรียนแบบเข้าฟังคำบรรยาย

2.   Research เป็นการเรียนแบบเขียนวิทยานิพนธ์

3.   Coursework and Research เป็นการเรียนผสมผสาน

ระหว่างการเข้าฟังคำบรรยายและการเขียนวิทยานิพนธ์ บางสถาบันอนุญาตให้นักศึกษาเลือกอัตราส่วนระหว่างการเรียน สองแบบ เช่น นักศึกษาอาจจะเลือก Coursework 50% และ Thesis อีก 50% หรือ อัตราส่วนระหว่าง Coursework และ Thesis เป็น 70%-30% บางสาขา โดยเฉพาะ MBA รับผู้ที่เรียนจบปริญญาตรีสาขาใดก็ได้ แต่จะต้องมีประสบการณ์การ ทำงานอย่างน้อย 1-2 ปี ในกรณีที่จบปริญญาตรีมาสาขาหนึ่ง และต้องการเรียนต่อปริญญาโทอีกสาขาหนึ่ง ทางมหาวิทยาลัยอาจให้ทดลองเรียน 1 ปีก่อน ซึ่งเรียกว่า Master Qualifying ต้องมีผลสอบเป็นที่น่าพอใจจึงจะสามารถเรียนต่อไปในระดับ ปริญญาโทได้

ปริญญาเอก (Doctoral Degree)

ระยะเวลาศึกษาประมาณ 3-5 ปี เป็นหลักสูตรวิจัยค้นคว้า คือเขียนวิทยานิพนธ์เพียงอย่างเดียว ขณะนี้บางมหาวิทยาลัยพิจารณาเพิ่มหลักสูตร Coursework เข้าเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนระดับปริญญาเอกนี้ด้วย แต่ยังเป็นส่วนน้อย ผู้ที่จะเรียนระดับปริญญาเอกจึงควรมีพื้นฐานการทำวิจัยในระดับปริญญาโทมาก่อน

หลักสูตรการเรียนภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษาต่างชาติ

หลักสูตรภาษาอังกฤษในประเทศออสเตรเลีย สำหรับนักศึกษาต่างชาติ เรียกว่า ELICOS ย่อมาจาก English Language Intensive Course for Overseas Students ปัจจุบันมีสถาบันเปิดสอนหลักสูตรนี้ทั้งในเมือง และนอกเมืองมากกว่า 160 แห่ง สถาบันเหล่านี้มีห้องเรียนและอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทันสมัยดำเนินการสอนโดยอาจารย์ที่มีความชำนาญและทรงคุณวุฒิทางด้านการสอนภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ สถาบัน ELICOS เปิดสอนหลายหลักสูตรให้นักศึกษาได้มีโอกาสเลือกดังนี้

–  ภาษาอังกฤษทั่วไป (General English) เป็นหลักสูตรที่เน้นการพัฒนาทักษะทางด้านการพูดและการเขียน
–  ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาต่อ (English for Academic Purpose)
–  ภาษาอังกฤษเพื่อใช้ในสายวิชาชีพ (English for Vocational Purpose) เน้นการสอนภาษาอังกฤษ เพื่อนำไปใช้ในการเรียนในสายวิชาชีพสาขาต่าง ๆ เช่น ภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจ การบิน การท่องเที่ยวและการโรงแรม
–  ภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมตัวเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนมัธยม (Secondary School Preparation)
–  ภาษาอังกฤษเพื่อการเตรียมการทดสอบ (Examination Preparation) เป็นหลักสูตรเตรียมความพร้อมเพื่อสอบ IELTS (International English Language Testing System) การสอบ TOEFL (Teaching of English as a Foreign Language) และสอบข้อทดสอบ Cambridge Certificate

มหาวิทยาลัยของออสเตรเลียทุกแห่งมีศูนย์สอนภาษาเป็นของตนเองหรืออาจจะประสานงานกับสถาบันสอนภาษา การดำเนินของศูนย์สอนภาษาอังกฤษเหล่านี้จะอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลและการรับรองคุณภาพจาก NEAS (National ELT Accreditation Scheme) หรือ English Australia

ใส่ความเห็น